jackpot 777 casino เว็บคาสิโนออนไลน์ที่นักพนันนิยมเข้าเล่นเกมบาคาร่ามากที่สุด เนื่องจากเป็นเกมไพ่ที่มีรูปแบบการเล่นคล้ายกับการเล่นไพ่ป๊อกเด้งของบ้านเรา จึงทำให้มีนักพนันชาวไทยเข้าเล่นเกมนี้มากที่สุด เป็นเกมไพ่ที่แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งเจ้ามือ (Banker) และฝั่งผู้เล่น (Player) โดยให้ผู้เล่นเลือกเดิมพันฝั่งใดฝั่งหนึ่งไม่ว่าจะเป็นฝั่งผู้เล่นชนะ ฝั่งเจ้ามือชนะ หรือเดิมพันในรูปแบบเสมอ ซึ่งการเดิมพันในรูปแบบเสมอนั้นผู้เล่นจะได้รับอัตราการเดิมพันที่สูงกว่าการเดิมพันในรูปแบบอื่น ๆ เรามาดูอัตราการเดิมพันในเกมไพ่บาคาร่ากันดีกว่า

อัตราการจ่ายบาคาร่าเป็นอย่างไร

แบงค์เกอร์(Banker)

อัตราจ่ายคือ 1:1 แบงค์เกอร์ชนะจะต้องหักเงินที่ได้ครั้งละ 5%ของจำนวนเงินที่วางเดิมพันให้คาสิโน

เพลเยอร์(Player)

อัตราจ่ายคือ 1:1  ไม่หักเงิน เปิดไพ่เป็นเสมอ ชิปที่ซื้อแบงค์เกอร์หรือเพลเยอร์ไม่นับว่าแพ้หรือชนะ นักพนันไม่สามารถถอนชิปได้ แต่บวกต่อไปได้(จนถึงขีดจำกัดที่คาสิโนกำหนด)

ไพ่คู่( Pa i r )

อัตราจ่ายคือ 1:11 ไม่หักเงิน แบงค์เกอร์หรือเพลเยอร์เปิดมาได้ไพ่บาคาร่าเหมือนกัน เรียกว่า คู่ นักพนันบาคาร่าจะต้องระบุล่วงหน้า แบงค์เกอร์คู่ หรือ เพลเยอร์คู่ หากไม่ใช่ด้านที่คุณระบุก็ถือว่าแพ้

บาคาร่ามีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้:แบงค์เกอร์ และ เพลเยอร์ สองด้านนักพนันที่วางเดิมพันมากที่สุดเปิดดูไพ่ได้ก่อน ถ้าเดิมพันของคุณเป็นจำนวนเงินสูงสุดในเกม แต่ไม่อยากเปิดไพ่ คุณสามารถวางชิปบนบรรทัด เจ้ามือจะมอบอำนาจเปิดดูไพ่ให้กับนักพนันจำนวนเงินสูงสุดอันดับสอง

อัตราการจ่ายบาคาร่าทำอะไรได้บ้าง

เมื่อมาถึงจุดนี้ทุกท่านคงทราบดีถึงอัตราการจ่ายเกมบาคาร่าออนไลน์ไปแล้วว่ามีอะไรบ้าง ถึงตอนแรกอาจฟังดูยังงงๆ อยู่บ้าง แต่ถ้าหากพยายามทำความเข้าใจบวกกับทดลองเล่นทดลองเล่นบาคาร่าวัววัวดู ท่านก็จะยิ่งเข้าใจได้อย่างละเอียดลึกซึ้งเลยทีเดียว ทีนี้อัตราการจ่ายในเกมบาคาร่าเราทราบแล้วสามารถนำไปใช้อะไรได้บ้าง มาติดตามกัน

วางแผนการเดินเกม

หากเราทราบอัตราการจ่ายเกมบาคาร่าไปแล้วจะช่วยในเรื่องของการวางแผนได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งมันอยู่ในขั้นตอนของการวางแผน คือ เราวางแผนว่าจะทำกำไรเท่าไร เดินเกมตาละเท่าไร สามารถนำอัตราการจ่ายมาคิดคำนวณดูได้ ถึงแม้การแทง Banker มันอาจไม่ใช่เลขกลมๆ ก็ตาม

แนวทางในการเดิมพัน

เกมบาคาร่านั้นจะมีการหักค่าธรรมเนียมในการวางเดิมพันฝั่ง Banker อยู่ 5% แต่การหักค่าคอมมิชชั่น เราอย่ามองว่าเป็นเรื่องเสียเปรียบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะโอกาสที่ท่านจะชนะเมื่อแทง Banker ย่อมมีสูงกว่า Player แน่นอน จึงอาจเป็นแนวทางในการเล่นบาคาร่าของท่านได้

กฎบาคาร่า เป็นอย่างไร

  1. ถ้าเจ้ามือ 3 แต้ม และไพ่ใบที่ 3 ของผู้เล่นได้ 8 = เจ้ามือไม่ต้องจั่วเพิ่ม
  2. ถ้าเจ้ามือ 4 แต้ม และไพ่ใบที่ 3 ของผู้เล่นได้ 0,1,8,9 = เจ้ามือไม่ต้องจั่วเพิ่ม
  3. ถ้าเจ้ามือ 5 แต้ม และไพ่ใบที่ 3ของผู้เล่นได้ 0,1,2,3,8,9 = เจ้ามือไม่ต้องจั่วเพิ่ม
  4. ถ้าเจ้ามือ 6 แต้ม และไพ่ใบที่ 3ของผู้เล่นได้ 0,1,2,3,4,5,8,9 = เจ้ามือไม่ต้องจั่วเพิ่ม
  5. ถ้าเจ้ามือ 7 แต้ม ไม่ต้องจั่วเพิ่ม

กฎบาคาร่าต่าง ๆ เหล่านี้จะถือเป็นเงื่อนไขในการเล่นที่ทำให้เกมเกิดความสนุกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในการเล่นบาคาร่ายังมีเรื่องของไพ่แนชเชอรัล เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยไพ่แนชเชอรัลนั้นมีส่วนใกล้เคียงกับการเล่นป๊อกเด้งที่เรารู้จักกันก็คือ ป๊อกแปดกับป๊อกเก้า ซึ่งไพ่แนชเชอรัลจะหมายถึงการได้แต้มรวม 8 แต้ม หรือ 9 แต้ม จากไพ่สองใบแรก ซึ่งเมื่อขึ้นหน้าไพ่แบบนี้แล้วทั้งสองฝ่ายจะไม่มีสิทธิ์จั่วไฟอีก และตามปกติไพ่ที่มีแต้มเหนือกว่าไพ่แนชเชอรัล 8 แต้ม ก็คือไพ่แนชเชอรัล 9 แต้มนั่นเอง ส่วนสิ่งที่จะทำให้เราชนะเกมได้ก็คือเทคนิคการเล่นบาคาร่า  

ซึ่งในการเล่นบาคาร่านั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเดิมพันฝั่งที่จะชนะระหว่าง Banker กับ Player แต่ยังมีการเดิมพันอีกหลายรูปแบบ ซึ่งก็คือ

  1. Tie Game หรือการเดิมพันเสมอระหว่างเจ้ามือและผู้เล่น มีอัตราต่อรองอยู่ที่ 8 เท่า
  2. Player Pair หรือการเดิมพันผู้เล่นออกคู่ มีอัตราต่อรองอยู่ที่ 11 เท่า
  3. Banker Pair หรือการเดิมพันเจ้ามือออกคู่ มีอัตราต่อรองอยู่ที่ 11 เท่า

By ufa